เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๙ ต.ค. ๒๕๕๑

 

เทศน์เช้า วันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ถ้าเราเข้าใจเรื่องศาสนาเห็นไหม ถ้าเรื่องศาสนาเราฟังเข้าใจ เราต้องคิดถึงคนมีบุญ เวลาพวกใหม่ๆ ปฏิบัติ เวลาปฏิบัติแล้วก็คิดว่า ถ้าพระอรหันต์จะต้องเหาะเหินเดินฟ้าได้แบบหนังจีน จะต้องปล่อยแสงได้ทุกอย่าง ทำได้จริงๆ นะ ถ้าจะทำก็ทำได้ แต่ทำอย่างนั้นแล้วนะ ศาสนาไม่มีคุณค่าเลย

คุณค่าของศาสนามันอยู่ที่ผลของอริยสัจ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เข้าไปกำจัดความทุกข์ของใจ กำจัดความเกิดและความตาย สิ่งที่เกิดและตายมันเกิดจากอวิชชา แต่เรื่องอภิญญา ๖ เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีมันทำได้ เหาะเหินเดินฟ้า โทรศัพท์ เครื่องจับเท็จ เรื่องรู้วาระจิต คาดหมายได้โดยวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์มันคำนวณได้ มันทำได้ อภิญญามันสมัยโบราณวิทยาศาสตร์มันยังไม่เจริญ

อย่างนั้นการรู้วาระ การรู้ล่วงหน้า สิ่งต่างๆ นี้เป็นความดีมาก แต่การรู้ล่วงหน้าหรือการรู้อดีต มันแก้กิเลสไม่ได้ สิ่งนั้นแก้กิเลสไม่ได้เห็นไหม แต่โลกกันเข้าใจเป็นอย่างนั้น ความเข้าใจว่าศาสนานี้จะต้องเหาะเหินเดินฟ้า ต้องรู้เรื่องสิ่งที่เรารู้ได้ แต่เรื่องอริยสัจไม่มีใครรู้ได้

ศาสนาสอนเรื่องนี้ สอนเรื่องศีลธรรมจริยธรรม ศีลธรรมคือเรื่องของโลก ถ้าคนเรามีศีลมีธรรมมันเป็นอุดมคติ อุดมคติคือความคิดจากหัวใจ ดูสิ เราดูคนที่รังแกกันเห็นไหม คนที่มีกำลังมากกว่ารังแกคนที่มีกำลังน้อยกว่า เราเห็นแล้วเราพอใจไหม ความเห็นของเราเห็นแล้วไม่พอใจนะ เราไม่สบายใจเลย เรารับไม่ได้หรอก

ถ้าคนมีน้ำใจ คนใจเป็นธรรม ถ้าคนใจเป็นธรรมถึงจะเป็นสภาวะแบบนั้น ถ้าสภาวะแบบนั้น ถ้ามันมองเขาทำ.. ยังทำไม่ได้แล้วเราจะไปทำไหม เพราะมันมีอุดมคติไง นี่คือเป็นศีลธรรมจริยธรรม

แต่ถ้าเป็นธรรมะ ! ธรรมะนี่มันชำระถึงสิ่งที่มันตกค้างในใจ สิ่งที่มันตกค้างในใจคือภพ คือสิ่งที่รองรับความคิด สิ่งที่พาเกิดพาตายไง ปฏิสนธิจิตไม่มีใครเคยเห็นหรอกเราเห็นได้แค่ความคิด ความคิดไม่ใช่จิต ความคิดเกิดจากจิต แต่ตัวจิตคือตัวภพ ตัวภพที่เรามาแสวงหากันนี้ เรามาทุกข์มายากกัน เพราะมันละเอียดอ่อนนะ สิ่งที่ละเอียดอ่อนนี้มันละเอียดอ่อนมาก ถ้ามันทวนกระแสเข้าไป

แต่ความคิดของโลกนี้เป็นความคิดจากพลังงานที่ส่งออก สิ่งที่ส่งออกคือพลังงานเป็นตัวใจ แล้วส่งออกไปเป็นความคิด ส่งออกไปในการบริหารจัดการ แล้วโลกตรรกะมันคิดได้แค่นี้ สิ่งที่ว่าเอาสิ่งนี้ไปศึกษาธรรมกัน แล้วว่าสิ่งนี้เป็นธรรม คำว่าเป็นธรรม ศาสนาเสื่อมเพราะพระเรา เสื่อมเพราะคนสอน เพราะคนสอนไม่เข้าใจสัจจะตามความจริง คือเข้าไม่ถึงเนื้อหาสาระของธรรม เข้าด้วยตรรกะ เข้าด้วยวิธีการ

วิธีการจะเข้าหาธรรม พระไตรปิฎกเป็นการสอนถึงวิธีการเข้าหาธรรม ไม่ใช่ตัวธรรม ตัวธรรมจริงๆ คือตัวภพ ตัวภพคืออะไร ตัวภพคือตัวอวิชชา แล้วพอทำลายอวิชชาหมดแล้วมันเหลืออะไร มันเหลือสิ่งที่สะอาดบริสุทธิ์ ...มันเป็นสัจธรรม มันเป็นธรรม ไม่ใช่ความคิด ไม่ใช่สิ่งต่างๆ เลยเห็นไหม

เวลาพระอรหันต์ทิ้งหมด ทิ้งตั้งแต่ธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ แล้วก็ทิ้งตัวเอง ทิ้งตัวเองคือมโนมิงปิ นิพพินทะติ มโนคือตัวใจ คือตัวภพ ตัวภพออกไปเห็นไหม สิ่งนี้เป็นสัจธรรมอันหนึ่ง นอกจากวัฏฏะ นอกจากสิ่งที่คาดหมายทางโลก เวลาพระอรหันต์สิ้นชีวิต มารตามหา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่า “เธออย่าค้นหาเลย ค้นหาไม่เจอหรอก”

มารตามหาพวกเราได้เพราะอะไร เพราะมันมีภพ มีความรู้สึก ความรู้สึกในตัวภพ ตัวความรู้สึกเฉยๆ ไม่ใช่ความคิดหรอก ตัวความรู้สึกเฉยๆ มันเป็นสถานที่ มันเป็นสิ่งที่มารมองเห็นได้ เหมือนกับเรามีทะเบียนบ้าน เรามีที่อยู่ของเรา ที่อยู่นี่.. ทะเบียนบ้านเราอยู่ที่ไหน เวลาเราอยู่ที่ไหน ผิดถูกขึ้นมาเขาจะใช้คอมพิวเตอร์ชี้ในทะเบียนบ้าน รู้เลยว่าคนนี้อยู่ที่ไหน เกิดที่ไหน อยู่ที่ไหน พ่อแม่เชื้อสายอะไร ความรู้สึกก็เป็นเหมือนกัน !

นี่ไง มารมันรื้อค้นตรงนี้ได้ มารมันจับตรงนี้ได้ อยู่ในครอบงำของมารเห็นไหม อยู่ใต้ภาวะของมาร

“มารเอย เธอเกิดจากความดำริของเรา บัดนี้เธอจะเกิดไม่ได้อีกแล้ว เพราะเราจะไม่ดำริอีกเลย”

เธอจะไม่มีเห็นไหม ไม่ดำริ ไม่ใช่ความคิด ไม่ดำริเห็นไหม นี่จิตที่มันพ้นออกไป สภาวธรรมที่มันแท้จริง มันเป็นสภาวธรรมที่มีอยู่ ที่สัมผัสได้ ที่จับต้องได้ด้วยความรู้สึก ด้วยใจของเรา สิ่งที่จะเข้าถึงธรรมได้คือความรู้สึก คือใจเท่านั้น

สิ่งที่เป็นเรื่องโลก เรื่องปัจจัยเครื่องอาศัย เรื่องต่างๆ มันเป็นปัจจัยเครื่องอาศัย เป็นของชั่วคราว ชีวิตหนึ่ง ภพหนึ่ง ความรู้สึกหนึ่ง สิ่งต่างๆ เหล่านี้ มันมาให้เราได้ตั้งสติ ได้ทำดีและทำชั่ว ทำดีเป็นผลบุญกุศลกันไป มันจะส่งผลบุญสิ่งที่ดี

ทำชั่ว ! สิ่งที่ผลทำชั่วมันจะฝัง.. ใครเป็นคนทำ เพราะใจเป็นคนทำนะ ความดีความชั่วใครเป็นคนทำ.. ร่างกายทำไม่ได้หรอก

ความคิด ! ความคิดเป็นตัวเร้าให้ทำ อยากทำ ความคิดมาจากไหน ความคิดมาจากภพ มาจากความรู้สึก แล้วความรู้สึกไปเก็บข้อมูลได้หมดเลย แล้วดีและชั่วใครรู้ ความลับไม่มีในโลกหรอก เราเป็นคนทำ เรารู้เอง

พอเรารู้เอง นี่ไงตัวนี้เองเป็นตัวบาปและตัวบุญ ตัวบาปและตัวบุญ นี่ปฏิสนธิจิต จิตที่เป็นตัวเกิดและตัวตายมันจะเป็นสภาวะแบบนี้ ตัวขับให้ไปเกิดและตาย ตัวขับให้ไปเกิดและตายเห็นไหม

ถ้าอริยสัจเข้าไป ทุกควรกำหนด ทุกข์อยู่ที่ไหน ! ทุกข์อยู่ที่ไหน ! สิ่งที่เราเกิดขึ้นมาเป็นผลของทุกข์ ที่เราร้องไห้เราเสียใจนี่เป็นวิบากนะ วิบากเพราะอะไร เพราะเขาว่าเราแล้ว คนที่เขาว่านี้เขาชมเราก็ได้ แต่เราไปเข้าใจว่าเขาว่าเรา พอเขาว่าเราปุ๊บเราเสียใจ นี่ไงวิบากคือผลของความเสียใจ

ความเสียใจคือทุกข์ใช่ไหม เราว่าแต่ความเสียใจ ความน้อยใจ ความเศร้าหมองเป็นทุกข์ ไม่ใช่ !.. เป็นผลของมัน แต่เหตุแห่งทุกข์.. ทุกควรกำหนด กำหนดทุกข์คืออะไร ทุกข์คือ ชาติปิ ทุกขา ทุกข์คือมีชาติ มีการเกิด มีสถานะ มีสิ่งที่รับรู้

ถ้าไม่มีความรู้สึกเอาอะไรไปรับรู้มัน สิ่งที่ลมพัดไปใครรับรู้มัน โลกนี้มีเพราะมีเรา ทุกข์มีเพราะมีเรา มีสิ่งรับรู้ทั้งหมด นี่ไงทุกข์เกิดที่นี่ ถ้าใครเห็นทุกข์ ทุกควรกำหนดสมุทัยควรละ ทุกข์ละไม่ได้ ทุกข์เป็นตัวสัจธรรม แต่ตัวสมุทัย ตัวตัณหาความทะยานอยาก ตัวหลงผิดนี้ละได้ สิ่งนี้เราละด้วยอะไร.. ละด้วยมรรคญาณ

มรรคญาณมันเกิดมาจากไหน เกิดมาจากสติสัมปชัญญะนะ ถ้ามีสติ เรามีสติ สัมมาสติ สติเกิดขึ้นมายับยั้งหมดเลย ยับยั้งสิ่งที่เราทำดีทำชั่ว ยับยั้งไว้ก่อน แล้วดีก็ทำไป ชั่วก็ไม่ทำ ชั่วไปยับยั้งมัน ถ้าชั่วก็ไม่ทำ ชั่วมันยับยั้งไม่ได้ ชั่วมันอยากทำ ชั่วมันอยากทำเพราะอะไร เพราะว่าเรายับยั้งใจเราไม่ได้ เพราะสติเราอ่อน ปัญญาเราควบคุมไม่ได้ สติมันควบคุมไม่ทัน มันก็ต้องฝึก

ฝึกมาทำไม ฝึกก็ฝึกเห็นคุณค่าของศาสนาไง มีสัจธรรม มีความเชื่อ ความเชื่อว่าถ้าเราทำไปแล้วจะมีผลกับเรา สิ่งที่เราทำไปแล้วมันจะมีผลกับเรานะ ถ้าเราทำไปแล้วผลมันต้องมันเกิดกับเราแน่นอน เพราะเป็นการกระทำ โลกนี้ไม่มีของฟรีนะ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เด็ดขาด !

ดูสิ พ่อแม่เลี้ยงลูกมีผลตอบแทนไหม เราให้ความรักของพ่อแม่ให้กับลูก ผลตอบแทนมันคืออะไร ผลตอบแทนคือความรักไง ผลตอบแทนลูกมีที่ยืนในสังคม ลูกประสบความสำเร็จ เราสุขไหม เราพอใจไหม เราพอใจเห็นไหม

ลูกที่ดีเห็นไหม ลูกที่ดีทำให้ครอบครัวเรา ตระกูลเรามีแต่คนชื่นชม ถ้าลูกเราไม่ดีเห็นไหม สิ่งที่ติเตียนจะกลับมาที่ตระกูลของเรา นี่เราทำของเรา.. เราทำของเรา.. แล้วตระกูลของเราเห็นไหม สายบุญสายกรรม ! ไม่มีสายบุญสายกรรมจะไม่มาเกิดกัน

ในการเกิดมา ในภพหน้าเราเห็นหน้ากันนี่ ไม่ชาติใดชาติหนึ่ง เราต้องมีสิ่งที่เราสร้างบุญสร้างกรรมด้วยกันมา ถ้าไม่อย่างนั้นเราจะไม่มาเห็นหน้าเห็นตากันหรอก ในสภาวะ ในวัฏฏะ สิ่งที่เป็นวัฏฏะ การเกิดและการตายเป็นผลของวัฏฏะ ผลของวัฏฏะ สายบุญสายกรรม ทำให้เกิดยิ่งใกล้ชิดยิ่งเกิดห่าง

การกระทำ เวลาใกล้ชิดเข้ามาเห็นไหม ลูกเราทำสิ่งใดก็แล้วแต่เราเจ็บปวดไหม ลูกทำความดีเราชื่นใจไหม ความเจ็บปวด ความชื่นใจนี่เป็นกรรมดีและกรรมชั่ว เราทำดีต้องได้ดี โลกนี้ไม่มีของฟรี ทุกอย่างมีเหตุมีผล ทุกอย่างมีที่มาที่ไป แล้วเราเชื่อหรือไม่เชื่อล่ะ ถ้าเราเชื่อปั๊บ !ชีวิตเราจะราบรื่น ชีวิตเราจะมีจุดยืน

สิ่งใดที่กระทบกระเทือนขึ้นมาแล้ว มันเป็นผลกระทบใช่ไหม เราเป็นผู้รับใช่ไหม ถ้าเราควบคุมสิ่งที่ลับ ควบคุมใจเราได้ สิ่งที่กระทบเข้ามานะ มันก็เป็นเรื่องไร้สาระ เรื่องจากข้างนอก แต่ถ้าจิตใจเราอ่อนแอ สิ่งที่กระทบมาแล้วมันจะรุนแรงมาก เจ็บปวดมาก.. เจ็บปวดมาก.. ต้องเอาคืน ต้องทำไป มันสร้างเวรสร้างกรรมต่อไปเห็นไหม

แต่ถ้าเวรระงับด้วยการไม่จองเวร สิ่งที่เกิดขึ้นมา การกระทบกันมันมีเวรมีกรรมกันมาทั้งหมด ศาสนาพุทธสอน แพ้เป็นพระ ! ไม่ใช่แพ้แบบโง่.. บ้า.. เซ่อ.. แพ้แบบมีสติสัมปชัญญะ แพ้แบบรู้ทัน แพ้แบบเราสร้างคุณงามความดี สิ่งนี้เป็นผล ผลที่เกิดมาจากวัฏฏะ เกิดมาจากสิ่งที่วนเวียนกันเกิดมา สิ่งนี้มีเห็นไหม ศาสนาถึงสอนว่านรกสวรรค์มี การเกิดและการตายมี สิ่งที่มีเพราะมันเป็นพันธุกรรม มันตัดแต่งจิตเห็นไหม จิตที่ทำดีขึ้นมามันตัดแต่งจิตที่ดี คนทำดีจนเคยชิน

ความเคยชินของใจที่ทำสิ่งที่ดีๆ มาแล้วนี่ มันจะทำดีเรื่อยๆ ไป คนทำชั่วๆ จนเคยชินเห็นไหม พันธุกรรมแต่งให้ดีหรือแต่งให้ชั่วก็ได้ แต่งให้ชั่วก็ได้นี่ทำสิ่งใดมันก็เป็นความฝังใจไป แล้วเราแต่งให้ดีแบบโลกนี่ มาวัดมาวาก็ว่าดีกันแล้ว คนนี้มีศีลธรรมจริยธรรม.. เป็นคนดี ดีอย่างนี้ดีในวัฏฏะไง ดีลอยไป ดีแบบโดนคลื่นพัดไป แต่ดีแบบพ้นจากวัฏฏะ ดีแบบว่ากระแสของการเกิดและการตายไม่สามารถพัดให้เราไปได้อีก ดีแบบพ้นจากวัฏฏะ ดีแบบการพ้นจากการขับของภพ มันดีเลิศนะ ดีเลิศในศาสนา

ถ้าพูดถึงถ้าคนไม่เข้าใจ จะไม่เข้าใจ ดีอย่างหยาบ ดีอย่างกลาง ดีอย่างละเอียดสุด ดีอย่างไร แต่ถ้าเราไปติดดีๆ ก็เกาะเลยเห็นไหม พาหะเป็นเครื่องดำเนินต่อไป สัพเพ ธัมมา อนัตตา สภาวธรรมเป็นอนัตตา แต่ผลของมันเป็นธรรม ผลของมันเป็นสัจธรรม ผลของมันเป็นความจริง

ไม่ใช่อนัตตา อนัตตาคือมันแปรสภาพ สิ่งที่แปรสภาพมันมีในสัจธรรมเห็นไหม เราต้องแก้ไข เราต้องดัดแปลงนะ ถ้าเราทำของเรา สัจธรรมมันเป็นมรรคญาณ มันเป็นความรู้สึก มันเป็นความภายใน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมาจากข้างนอก อุดมคติของเรา ความคิดของเรา เราออกมาเป็นโครงการ ออกมาเป็นการบริหารจัดการ การหาปัจจัยเครื่องอาศัย อันนี้มันเป็นหน้าที่การงานของโลกที่มองเห็นกัน

แต่สัจธรรม ความจริงจากข้างใน มรรคญาณที่เป็นธรรมจักร สิ่งที่เป็นปัญญา มรรคญาณ สัจธรรมเป็นมรรคที่หมุนเข้าไปในหัวใจ เทวดา อินทร์ พรหมเห็น ผู้รู้เห็น ความเข้าใจเห็น แต่โลกตาหยาบ ลืมตามองอยู่นี่แต่มองไม่เห็น มองไม่รู้ แต่เรื่องสัจธรรมสิ่งต่างๆ นี้ ถ้าสิ่งที่มันไม่มีจริง ธรรมสากัจฉา เอตัมมังคะละมุตตะมัง

ดูสิ ในทางโลกเขาต้องตรวจสอบได้ ทางบัญชีทางทุกอย่างต้องตรวจสอบได้ ต้องมีการตรวจสอบ ต้องมีการรับผลงานอันนั้น นี่ก็เหมือนกัน ถ้ามันไม่มีสัจจะความจริง มันจะตรวจสอบได้อย่างไร มันจะเอาอะไรมาคะคานกัน เอาสิ่งใดมาเปิดเผยกัน เอาสิ่งใดมายืนยันกันว่าสิ่งนั้นใช่หรือไม่ใช่

ผู้รู้ไง ผู้รู้มี ผู้รู้เข้าใจได้ สิ่งนี้พิสูจน์ได้ สิ่งนี้ตรวจสอบได้ สิ่งนี้การกระทำได้ นี่ผลของธรรมนะ ผลของธรรมที่เราเข้ามาในศาสนา สิ่งที่ดีข้างนอกดีข้างใน ความดีของเรา ทำของเราแล้วนี่ โลกนี้ไม่มีของฟรี ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว เราทำของเราแล้วจะเป็นประโยชน์กับเรา เอวัง